ผ้าไผ่มีประโยชน์อะไรบ้าง?

การควบคุมอุณหภูมิ

ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว ไผ่เจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศอบอุ่นและชื้น ซึ่งหมายความว่าเส้นใยของต้นไผ่มีคุณสมบัติพิเศษในการช่วยควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย ภาพตัดขวางของเส้นใยไผ่แสดงให้เห็นว่าเส้นใยมีช่องว่างเล็กๆ ที่ช่วยระบายอากาศและดูดซับความชื้นได้ดียิ่งขึ้น ผ้าไผ่ช่วยให้ผู้สวมใส่รู้สึกเย็นสบายและแห้งมากขึ้นในสภาพอากาศอบอุ่นและชื้น และอบอุ่นขึ้นในสภาพอากาศเย็นและแห้ง ซึ่งหมายความว่าคุณได้แต่งกายให้เหมาะสมกับสภาพอากาศไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาใดของปี

ระบายอากาศได้

ช่องว่างขนาดเล็กที่พบในเส้นใยไผ่คือเคล็ดลับเบื้องหลังการระบายอากาศที่เหนือกว่า ผ้าไผ่มีน้ำหนักเบาอย่างเหลือเชื่อ และอากาศสามารถไหลเวียนผ่านเนื้อผ้าได้อย่างราบรื่น ทำให้คุณรู้สึกเย็น แห้ง และสบาย ความสามารถในการระบายอากาศที่เพิ่มขึ้นของผ้าไผ่ไม่เพียงแต่ช่วยควบคุมอุณหภูมิร่างกาย แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงของการเสียดสี เพราะช่วยดึงเหงื่อออกจากร่างกายและเข้าสู่เนื้อผ้า ผ้าไผ่อาจดูระบายอากาศได้ไม่ดีเท่าผ้าตาข่ายที่มีรูพรุนมากกว่าที่ใช้ในชุดออกกำลังกายอื่นๆ แต่คุณจะประหลาดใจกับประสิทธิภาพการระบายอากาศที่เหนือกว่าของผ้าไผ่โดยไม่สูญเสียการปกปิด

ทนทานต่อรอยยับ

ไม่มีอะไรแย่ไปกว่าการรีบร้อนแล้วเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าเพื่อเลือกเสื้อตัวโปรด แต่กลับพบว่ามันยับอีกแล้ว ปัญหาแบบนี้ไม่ใช่ปัญหาสำหรับผ้าไผ่ เพราะผ้าไผ่มีคุณสมบัติป้องกันรอยยับตามธรรมชาติ ถือเป็นคุณสมบัติที่ดีเยี่ยมสำหรับชุดออกกำลังกาย เพราะนอกจากจะช่วยให้คุณดูดีอยู่เสมอแล้ว ยังทำให้ชุดออกกำลังกายที่ทำจากผ้าไผ่ของคุณพกพาสะดวก ใส่ลงในกระเป๋าเดินทางหรือกระเป๋าออกกำลังกายก็พร้อมออกไปลุยได้เลย ไม่ต้องพับหรือแพ็คอะไรให้ยุ่งยากอีกต่อไป ไผ่คือผ้าที่ดูแลรักษาง่ายที่สุด

ปราศจากสารเคมี

ไม่ว่าคุณจะมีผิวแพ้ง่าย ระคายเคืองง่าย ผิวที่มีแนวโน้มแพ้ง่าย หรือเพียงแค่ต้องการช่วยปกป้องโลกจากสารเคมีอันตราย คุณจะประทับใจกับผ้าใยไผ่ที่ปราศจากสารเคมี วัสดุสังเคราะห์มักถูกเติมสารเคมีจำนวนมากในกระบวนการผลิต เพื่อให้วัสดุมีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่คุณคุ้นเคยและคาดหวังจากชุดออกกำลังกายของคุณ ไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติในการป้องกันกลิ่น เทคโนโลยีดูดซับความชื้น การป้องกัน UPF และอื่นๆ อีกมากมาย ไม้ไผ่ไม่จำเป็นต้องผ่านกระบวนการทางเคมีใดๆ เพราะมีคุณสมบัติเหล่านี้อยู่แล้วตามธรรมชาติ เมื่อคุณซื้อเสื้อผ้าที่ทำจากผ้าใยไผ่ คุณไม่เพียงแต่ช่วยปกป้องผิวจากอาการระคายเคืองและการเกิดสิวเท่านั้น แต่ยังช่วยทำให้โลกน่าอยู่ขึ้นด้วยการกำจัดสารเคมีอันตรายออกจากสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

หากพูดถึงเรื่องความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าไม้ไผ่เมื่อพูดถึงผ้าที่ยั่งยืน ต่างจากผ้าใยสังเคราะห์ที่ผลิตจากพลาสติกเป็นส่วนใหญ่และผ่านการพ่นสารเคมีเพื่อเพิ่มคุณสมบัติ ผ้าไผ่ผลิตจากเส้นใยธรรมชาติ ไม้ไผ่เป็นต้นไม้ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก โดยเติบโตได้เร็วถึงหนึ่งฟุตทุกๆ 24 ชั่วโมง ไม้ไผ่สามารถเก็บเกี่ยวได้ปีละครั้งและปลูกในพื้นที่เดียวกันได้ไม่จำกัด ดังนั้น เกษตรกรจึงไม่จำเป็นต้องถางพื้นที่เพิ่มเติมเพื่อปลูกไผ่ใหม่ ต่างจากเส้นใยธรรมชาติอื่นๆ เนื่องจากผ้าไผ่ไม่จำเป็นต้องผ่านการเคลือบสารเคมี การผลิตผ้าไผ่จึงไม่เพียงแต่ป้องกันการปล่อยสารเคมีอันตรายลงสู่ระบบน้ำและสิ่งแวดล้อมของเราเท่านั้น แต่ยังช่วยให้น้ำที่ใช้ในโรงงานสามารถนำไปรีไซเคิลได้อีกด้วย น้ำเสียจากโรงงานผลิตผ้าไผ่ประมาณ 99 เปอร์เซ็นต์สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ บำบัด และนำกลับมาใช้ใหม่ได้ในกระบวนการแบบวงจรปิด ซึ่งช่วยป้องกันไม่ให้น้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วไหลออกสู่ระบบนิเวศ นอกจากนี้ พลังงานที่จำเป็นต่อการดำเนินงานโรงงานผลิตผ้าจากไม้ไผ่ยังมาจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม ซึ่งช่วยป้องกันสารเคมีอันตรายที่ก่อให้เกิดมลภาวะให้พ้นจากอากาศ ไม้ไผ่เป็นผ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม และการทำเกษตรกรรมนี้ยังมอบชีวิตที่ยั่งยืนและมั่นคงให้กับเกษตรกรผู้จัดหาไม้ไผ่สำหรับใช้ในการผลิตผ้าและผลิตภัณฑ์อื่นๆ

ดีต่อมนุษยชาติ

ผ้าจากไม้ไผ่ไม่เพียงแต่ดีต่อโลกเท่านั้น แต่ยังดีต่อมนุษยชาติอีกด้วย นอกจากการให้โอกาสเกษตรกรได้มีงานทำอย่างต่อเนื่องโดยไม่ก่อให้เกิดความเสียหายหรือความเสื่อมโทรมต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว การผลิตผ้าและเครื่องแต่งกายจากไม้ไผ่ยังได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรมต่อทุกคนที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมสิ่งทอ โรงงานผลิตผ้าจากไม้ไผ่มีประวัติการทำงานที่เป็นธรรมและปฏิบัติในสถานที่ทำงาน โดยให้ค่าจ้างสูงกว่าค่าเฉลี่ยในท้องถิ่นถึง 18 เปอร์เซ็นต์ พนักงานและครอบครัวทุกคนได้รับการดูแลสุขภาพ และได้รับเงินอุดหนุนค่าที่อยู่อาศัยและอาหาร เพื่อให้มั่นใจว่าพนักงานและครอบครัวทุกคนมีสภาพความเป็นอยู่ที่เพียงพอ พนักงานทุกคนยังได้รับการส่งเสริมให้พัฒนาทักษะผ่านการปฏิบัติแบบบูรณาการ เพื่อให้สามารถก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ขวัญกำลังใจก็มีความสำคัญเช่นกัน เนื่องจากโรงงานจัดกิจกรรมเสริมสร้างทีมและกิจกรรมทางวัฒนธรรมทุกสัปดาห์ เพื่อช่วยให้พนักงานรู้สึกผูกพัน มีส่วนร่วม และรู้สึกเป็นที่ชื่นชม นอกจากนี้ยังมีโครงการฝึกอบรมและการยกย่องเชิดชูพนักงานพิการ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของกำลังแรงงานอีกด้วย